เมื่อหุ้นราคาตกจะทำอย่างไรดี
โดยพื้นฐานแล้ว ควรจะเก็บหุ้นเอาไว้ก่อน
โอกาสความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นมีอย่างละครึ่งต่อครึ่ง ย่อมไม่มีใครคนไหนซื้อหุ้นถ้าหากรู้ว่าราคาหุ้นจะตกอย่างแน่นอน คนที่รู้ว่าหุ้นราคาจะตกย่อมต้องยืดเวลาการซื้อออกไป การที่คนซื้อหุ้นก็เพราะคาดว่าราคามันจะขึ้น และถึงแม้ว่าจะวิเคราะห์มาอย่างดีเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ราคาหุ้นก็อาจจะตกลงไปได้เสมอ
ถ้าหุ้นเกิดราคาตกจริงๆ แล้วเราควรจะทำอย่างไรกันดีละ ?
ก่อนอื่น อย่าเพิ่งรีบขาย กลยุทธ์ในการเล่นหุ้น คือ “ซื้อถูกขายแพง” แต่ในบางครั้งราคาหุ้นอาจจะตกต่ำกว่าราคาที่เราซื้อมาเสียอีก สภาพเช่นนี้อาจเป็นเพราะตัวเราตัดสินใจผิดพลาด หรืออาจจะเป็นการล้มทั่วทั้งกระดาน เนื่องจากปฏิกิริยาสะท้อนกลับของราคาหุ้นที่รุนแรงเกินไปก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าหากเป็นกรณีหลังก็ไม่ต้องตกอกตกใจ เพราะราคาหุ้นจะไม่มีการขึ้นหรือตกอยู่ชั่วนิรันดร์กาลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นหรือลง มันย่อมจะมีขีดจำกัด การเกินเลยขีดจำกัดนี้เป็นเพียงสภาพชั่วขณะเท่านั้น แล้วทำไมจะต้องเสียขวัญไปกับการตกของราคาหุ้นชั่วคราวอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นหุ้นที่เราพิจารณาไตร่ตรองซื้อมาด้วยความมั่นใจแล้วเสียอีกเล่า ! ดังนั้นยุทธวิธีรับมือที่ดีที่สุดก็คือ การรักษาสภาพแบบเดิมนี้เอาไว้ก่อน
แต่ว่าในบางครั้งก็ไม่ควรเก็บหุ้นเอาไว้ เพราะยิ่งเก็บไว้นานเท่าไร โอกาสเจ็บหนักตัวก็จะยิ่งมากขึ้น นี้เป็นสภาพที่มักจะเกิดขึ้นในกรณีที่เราตัดสินใจเลือกซื้อหุ้นผิดพลาดมาตั้งแต่แรก หรือซื้อผิดพลาดโอกาสดังที่กล่าวมาแล้วว่าในช่วงเวลาที่บรรยากาศตลาดหุ้นมีแต่คนแย่งกันซื้อหุ้นนั้น ราคาหุ้นจะไม่เหมือนกับช่วงที่มันค่อยๆ เพิ่มราคาขึ้นมาช้าๆ ซึ่งกินเวลานานถึง 3 เดือน หรือกระทั่งหนึ่งปี แต่ราคาหุ้นมันจะสูงขึ้นมาอย่างพรวดพราด แล้วก็ตกดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อวื้อหุ้นในสภาพเช่นนี้มาแล้ว ก็จะต้องจ้องมองสถานการณ์ให้ดี ฉวยโอกาสราคาหุ้นขึ้นในครั้งต่อไป ขายออกไปทันทีเหมือนกับการเล่นหุ้นของมืออาชีพทั้งหลาย หุ้นประเภทพวกนี้ห้ามเก็บเอาไว้นานๆ เป็นอันขาด
ปริมาณการซื้อขาย “หุ้นร้อน” ที่มีราคาปีนสูงอย่างรวดเร็วนั้น ก็จะมีการเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย คนจำนวนมากซื้อหุ้นเข้ามาในราคาแพง สภาพจิตใจของคนที่ซื้อหุ้นราคาแพงมา แล้วราคาหุ้นตกลงไปนั้นยากที่จะบรรยายออกมาได้จริงๆ คนยิ่งเจ็บปวดยิ่งมาก ราคาหุ้นก็ยิ่งตกดิ่งลงไปอีก มาถึงตอนนี้ พวกมืออาชีพทั้งหลายจะทำอย่างไรเล่า ? ก็มีแต่ต้อง “ดึงบังเหียนม้า เมื่อถึงปากเหว” โดยการขายออกไปในราคาที่ขาดทุนน้อยที่สุด
ส่วนผู้ที่เพิ่งจะเริ่มเล่นหุ้น ซึ่งซื้อหุ้นมาได้ไม่ง่ายนั้น มักจะวางมือไม่ลงหวังเอาไว้ว่าราคาหุ้นจะหยุดตกแล้วกลับมาสูงขึ้นใหม่ แต่ในความจริงราคาหุ้นก็ยังลื่นไถลลงไปไม่มีหยุด จนถึงจุดต่ำที่แก้ไขไม่ได้เสียแล้ว เดิมทีซื้อมาในราคา 80-90 เปอร์เซนต์ของราคาเดิม มาตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่ 10-20 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่มันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเสียแล้ว ในที่สุดผู้ที่เป็นมือใหม่ก็จำใจต้องขายหุ้นออกไปในราคาที่ตกลงจนเกือบถึงก้นเหวแล้ว และในเวลาเช่นนี้ พวกมืออาชีพก็จะกลับเข้ามาช้อนซื้อเอาไปอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น