วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากปริมาณการซื้อขายคือโอกาสที่ดี


ราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากปริมาณการซื้อขายคือโอกาสที่ดี

คุณ B เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง อายุ 43 ปี มีประสบการณ์ในการลงทุนเล่นหุ้นมาแล้ว 5 ปี แรกเริ่มเขาพบกับความพ่ายแพ้มาโดยตลอด จนสภาพจิตใจตกอยู่ในความหวาดกลัวอยู่ตลอดทั้งวัน แต่ผ่านความล้มเหลวหลายๆครั้ง ในที่สุดคุณ B ก็สามารถค้นพบวิธีการที่ดีออกมาได้นั่นคือในช่วงเวลาที่ราคาหุ้นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเขาก็จะทุ่มลงทุนเล่นกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีเงินทุนอยู่ถึง 1 ล้านเหรียญ แต่ถ้าถือหุ้นหลายตัวย่อมไม่มีสมาธิที่จะรวมศูนย์ความคิดได้ ตัวนี้จะได้กำไรไหม? การคิดถึงกำไรขาดทุนแบบนี้ยุ่งยากมาก ในที่สุดคุณ B  จึงตัดสินใจเล่นหุ้นเพียง 1-2 ตัวเท่านั้น
แต่ว่าคุณ B ไม่ได้เล่นหุ้นร้อน ที่ผู้คนซื้อขายกันคึกคัก หากเขากลับมามองที่หุ้นตัวที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงมากๆเลย แต่เพิ่งเริ่มมีปรากฏการณ์ของการเพิ่มราคาหุ้นในช่วงใกล้ๆนี้ คุณ B ก็จะรีบซื้อเอามาทันที จากประสบการณ์ของคุณ B นั้น หุ้นที่ไม่ได้รับความสนใจมาเป็นเวลานานๆ เวลาที่ราคาหุ้นมันขึ้นมาแล้วไม่ต้องกังวลใจเลยว่าราคามันจะตกลงง่ายๆ อย่างน้อยก็ 3 เดือนหรือบางครั้งอาจอยู่ได้นานถึง ½-1 ปีก็มี ขณะนี้หุ้นที่อยู่ในมือของคุณ B ล้วนทำกำไรมาแล้วทั้งสิ้น แต่เขาก็ยังต้องการที่จะดูสถานการณ์ต่อไปอีก
บรรทัดฐานที่ดีที่สุดในการพิจารณาว่าราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็คือ การเพิ่มสูงของปริมาณการซื้อขาย  เมื่อราคาหุ้นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อขายก็มีการเพิ่มขึ้น บรรดาหนังสือพิมพ์ก็จะเริ่มค้นคว้า วิเคราะห์หาค่า PER ถ้าหากยอมรับก็ลงมือซื้อได้ อย่างไรก็ตามควรจะต้องวิเคราะห์สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมประกอบร่วมด้วย
การใช้วิธีการแบบนี้ อาจทำให้โอกาสซื้อล่าช้าออกไปบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คุณ B กล่าวเอาไว้ว่า จังหวะโอกาสในการขายหุ้นนั้นจับได้ยากกว่าการซื้อ เนื่องจากทุ่มทุนลงไปที่หุ้นเพียงแค่ 1-2 ตัวเท่านั้น ถ้าหากเกิดขาดทุนขึ้นมา ก็หมดกันไปเลย ความเครียดทางจิตใจจึงเพิ่มมากเป็นทวีคูณหุ้นที่ต่างชนิดกันย่อมต้องกำหนดบรรทัดฐานในการขายที่ต่างกันไป เมื่อราคาหุ้นถึงระดับที่เป็นบรรทัดฐานนี้แล้วก็จึงค่อยขายออกไป แต่ว่าเงินที่ได้มาจากการขายอย่าเพิ่งรีบเอาไปลงทุนซื้อหุ้นตัวอื่นต่อไปเลยทันที ควรจะดูสถานการณ์สักพักเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยทำการลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นคุณ A หรือ คุณ B เคล็ดลับความสำเร็จของพวกเขาก็คือ การยืนหยัดในวิธีคิดของตัวเอง ไม่โอนเอนไปตามคำชักชวนของผู้อื่น และไม่เอียงซ้าย บ่ายขวาไปตามหุ้นที่บริษัทนายหน้าเสนอมา กลยุทธ์ของคุณ A คือ “ซุ่มซ่อนโจมตี”  และ  “กระจายการลงทุน”  ส่วนของคุณ B นั่นคือ “ซื้อหุ้นที่กำลังเปลี่ยนแปลง”  และ  “รวมศูนย์ลงทุน”  แน่นอนทั้งสองมีความแตกต่างกันอยู่ แต่จุดร่วมของพวกเขาก็คือ  “ซื้อเข้ามาในขณะราคาถูก”  ซื่งก็ตรงกับหลักการพื้นฐานของการเล่นหุ้นอันได้แก่  “ซื้อถูกขายแพง”  นั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น