วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หุ้น ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง


หุ้น ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง

การไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ในการเล่นหุ้นนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง สุภาพสตรีผู้หนึ่งมีบทเรียนเล่าว่า มีพนักงานบริษัทหลักทรัพย์คนหนึ่งมาชักชวนให้เธอเล่นหุ้น เธอจึงลงทุนเล่นไปหนึ่งล้านเหรียญโดยมอบหมายให้พนักงานผู้นั้นจัดการแทนทุกอย่าง ในวันต่อมามีเอกสารส่งมาทางไปรษณีย์ให้แก่เธอมากมายจนเธอรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องที่ยุ่งเหลือเกิน เวลาผ่านไปครึ่งปี เธอเกิดต้องการใช้เงินจึงบอกให้พนักงานผู้นั้นขายหุ้นทั้งหมด ผลปรากฏว่า ขายได้เพียงห้าแสนเหรียญเท่านั้น ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ? “ฉันจ่ายเงินลงทุนไปถึงหนึ่งล้าน แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าขายหุ้นขาดทุน ถึงแม้จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างหนัก แต่มันก็แก้ไขไม่ได้เสียแล้ว”
สุภาพสตรีผู้นี้เริ่มต้นก็เดินผิดพลาดเสียแล้ว เพราะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหุ้นคือ “เราต้องเป็นผู้พิจารณาและเป็นผู้ตัดสินใจเองเท่านั้น”
ยกตัวอย่างอีกเรื่อง ชายคนหนึ่งหลังจากปลดเกษียณทำงานแล้ว ถูกบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งพูดจาหว่านล้อมให้นำเอาเงินที่ได้จากการปลดเกษียณมาลงทุนเล่นหุ้น ตลาดหุ้นขณะนั้นกำลังคึกคัก ดัชนีราคาหุ้นมีแต่เพิ่มสูงขึ้น ชายคนนี้เล่นอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็กำไร บางครั้งก็ขาดทุน หนึ่งปีผ่านพ้นไป เมื่อคิดบัญชีรวมแล้วกลับกลายเป็นขาดทุนไปเสียแล้ว
ความผิดพลาดของชายผู้นี้อยู่ที่ว่าซื้อขายหุ้นบ่อยเกินไป เปรียบเหมือนกับการขับรถ หากคนที่เพิ่งหัดขับ คิดขับรถแบบนักแข่ง นั่นก็ยากที่จะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา การซื้อขายหุ้นก็เป็นในทำนองเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้านำเอาเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิตมาเล่น เมื่อมองด้วยสายตายาวไกลแล้ว เขาควรจะค่อยๆลงทุน แม้ว่าเขาจะตัดสินในขั้นสุดท้ายด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังตัดสินโดยอาศัยคำแนะนำของพนักงานบริษัทหลักทรัพย์อยู่ ซึ่งเหมือนกับการฝากให้ผู้อื่นจัดการแทนตัวเองนั่นแหละ เขาได้ลืมหลักการพื้นฐานในการเล่นหุ้นไปเสียแล้ว
คนที่อยู่นอกวงการก็ควรจะค่อยๆเล่นตามวิธีการที่เหมาะกับคนนอกวงการ เพราะถ้าเดินผิดพลาดแล้ว ย่อมเกิดผลเสียหายหนักขึ้นได้  จากสถิติในรอบหลายปีที่ผ่านมา มันแสดงให้เราเห็นได้ว่า ถ้าถือหุ้นเอาไว้ในมือ 3 ปี ร้อยละ 70 ของหุ้นจะมีการเพิ่มราคา และถ้าถือเอาไว้ 10 ปี มันก็จะมีหุ้นที่เพิ่มราคาสูงขึ้นไปเกือบถึงร้อยละ 95 ผู้ที่พึ่งเริ่มต้น จึงไม่ควรไล่คว้าหาเศษกำไรเล็กๆน้อยๆเหมือนพวกมืออาชีพและห้ามเล่นหุ้นด้วยเงินเชื่อเป็นอันขาด
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า การซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นนั้นดำเนินการโดยตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทบางแห่งดูผิวเผินก็คล้ายกับเป็นบริษัทหลักทรัพย์ หรืออาจมีการโฆษณาเรียกลูกค้าต่างๆ เช่น “เพียงแค่ออกเงิน บริษัทเป็นผู้จัดการ คุณก็จะได้รับกำไร” “รับกำไรทวีคูณ” ฯลฯ คำหวานเหล่านี้ กระทั่งผู้ที่ไม่ใช่เป็นมือใหม่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ “การรับเหมา” ทำแทนแบบนี้ เป็นวิธีการที่ผิดไปจากการลงทุนที่ถูกต้องเป็นอย่างมาก
READ MORE - หุ้น ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จิตใจต้องแกร่ง..ถ้าอยากรวยหุ้น

จิตใจต้องแกร่ง..ถ้าอยากรวยหุ้น

การซื้อขายหุ้นเป็นการต่อสู้แข่งขันกัน การที่จะเอาชนะได้ จะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเท่านั้น กล่าวอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ
                1. จะต้องมีความเชื่อมั่น
                2. จะต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว มั่นคง ไม่โลเล
                3. ไม่สุรุ่ยสุร่าย
                4. สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่เชื่ออะไรอย่างหลับหูหลับตา
                5. รู้ขีดจำกัดของตนเอง และมีการลงมือปฏิบัติที่แน่วแน่
                6. มีจิตใจที่ชอบสำรวจค้นคว้าอย่างจริงจัง
การเล่นหุ้นก็คือ การซื้อขายที่อาศัยการคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น ถ้าหากมีความรู้เกี่ยวกับหุ้นก็ย่อมสามารถคาดการณ์สภาพหุ้นได้อย่างถูกต้อง ที่น่าหัวเราะก็คือว่า คนบางคนถึงแม้จะมีประสบการณ์มานับสิบปี แต่ก็ยังประสบความพ่ายแพ้อยู่จนได้ คนที่เริ่มต้นบางคน ถึงจะไม่มีประสบการณ์ความรู้อะไร ก็อาจจะประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน นั่นคือ การคาดการณ์ก็ย่อมเป็นการคาดการณ์เท่านั้นแหละ มันไม่มีทางที่จะถูกต้องไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
แต่การเล่นหุ้น มิใช่จะถูกควบคุมด้วยความบังเอิญเสียทั้งหมดเหมือนกับการเล่นการพนัน  มันเป็นการคาดคะเนที่ต้องอาศัยการเก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์และความเป็นไปได้ที่จะถูกต้องก็มีสูง นอกจากนี้แล้ว ถึงแม้จะพ่ายแพ้ แต่คนที่มีประสบการณ์ก็ยังสามารถคิดหาวิธีแก้ไขได้ ตรงกันข้ามกับผู้เริ่มต้นเล่นหุ้น เมื่อประสบความสำเร็จได้สักครั้ง ก็มักมองตัวเองว่า มีพรสวรรค์ในการลงทุน เกิดความเย่อหยิ่งทระนงตัวขึ้นมา อยากจะเตือนด้วยความหวังดีว่าควรสะสมความรู้ไปพร้อมกันเพื่อที่คุณจะสามารถเล่นหุ้นได้อย่างปลอดภัยได้มากที่สุด
READ MORE - จิตใจต้องแกร่ง..ถ้าอยากรวยหุ้น

ฝากแบงค์ทำไม ซื้อหุ้นดีกว่า

ฝากแบงค์ทำไม ซื้อหุ้นดีกว่า

ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า การไปธนาคารนั้นเป็นเรื่องที่ง่าย ส่วนการไปบริษัทหลักทรัพย์นั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่า เหตุผลประการหนึ่งก็คือ คนส่วนใหญ่มักมองว่า “มีแต่คนที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้น จึงจะใช้บริษัทหลักทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ได้ หรือไม่ก็ “หุ้นเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ใครก็เข้าไปซื้อได้” ความจริงแล้วมันเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอแต่มีเงินก็สามารถซื้อหุ้นได้ทั้งสิ้น การซื้อหุ้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือประสบการณ์อะไรเป็นพิเศษก็ได้ เพราะว่าการซื้อหุ้นนั้นเป็นเหมือนกับการลงทุนให้แก้บริษัทหนึ่งๆ แม้ตัวเองจะไม่ได้ทำงานในบริษัท “ชั้นนำ” แห่งนั้น แต่เมื่อคุณซื้อหุ้นของบริษัทแห่งนั้นแล้ว คุณก็จะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท “ชั้นนำ” นั้นได้อย่างง่ายดาย
นอกเหนือไปจากการลงทุนซื้อหุ้นแล้ว มันยังมีวิธีการใช้เงินแบบต่างๆอีกมากมาย เช่น ลงทุนซื้อที่ดิน, ซื้อภาพวาดวัตถุโบราณ, เพชรพลอย, ทองแท่งรูปพรรณ, หรือลงทุนซื้อเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น แต่ว่าวิธีการเหล่านี้ต้องอาศัยความรู้และความชำนาญค่อนข้างมาก การซื้อที่ดินถึงแม้จะเป็นวิธีการใช้เงินที่ดินอย่างหนึ่ง แต่ก็มักจะเจอปัญหาที่ดินที่มีกรณีพิพาทหรือโฉนดซ้ำซ้อนหรือไม่สามารถจะใช้ที่ดินนั้นปลูกสร้างอาคารอย่างถาวรตลอดไปได้ ส่วนการรู้จักพิเคราะห์ดูภาพวาดหรือวัตถุโบราณว่าเป็นของจริงหรือของปลอมนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องการการฝึกฝนเป็นอย่างมาก การซื้อทองคำนั้น ก็เป็นการซื้อขายที่ผู้มีเงินทุนน้อยไม่อาจทำได้ ส่วนการลงทุนเล่นหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางวิชาการที่ลึกซึ้ง ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนให้วิ่งเต้น และไม่ต้องกังวลถึงความขายคล่องของมันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มันก็มิใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดายเหมือนกับการฝากถอนเงินที่เพียงแต่เอาเงินไปฝากหรือกรอกใบถอนเงินเท่านั้น ก็เรียบร้อยแล้ว มันมีความยากง่ายในตัวของมันเหมือนกัน
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่ายๆ การลงทุนซื้อหุ้นก็เหมือนกับการสอบเอาใบขับขี่รถยนต์นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง คนแข็งแรงหรือคนอ่อนแอ ไม่ว่าจะจบการศึกษาอะไร มีฐานะร่ำรวยหรือว่ายากจนอย่างไร ไม่ว่าใครก็สามารถไปสอบได้ ในตอนแรกอาจรู้สึกว่า “เป็นเรื่องที่ยุ่งยากน่ากลัว” แต่ว่า เมื่อฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จะรู้สึกว่าจริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายอะไรเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม  ถ้าหากเริ่มต้นก็คิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้ นั่นหมายถึงคุณก็อาจพบกับความยากลำบากที่นอกเหนือจากความคาดหมายได้เช่นกัน
การเล่นหุ้นก็เหมือนกัน เริ่มต้น อาจรู้สึกว่ายุ่งยาก แต่เมื่อซื้อแล้วสักครั้ง ก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหมือนกับการไปธนาคารนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าลองซื้อหลายๆครั้ง คุณก็อาจจะเจอกับสภาพการณ์ที่หุ้นราคาตก จนทำให้เจ็บปวดได้เหมือนกัน
READ MORE - ฝากแบงค์ทำไม ซื้อหุ้นดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เตรียมใจให้พร้อม..ลุยหุ้น

เตรียมใจให้พร้อม..ลุยหุ้น

ถึงแม้ว่าการซื้อหุ้นจะเป็นเรื่องง่ายที่ใครก็ทำได้ แต่ว่าบางคนก็เข้าถึงหุ้นและบางคนก็เข้าไม่ถึง คนที่เข้าไม่ถึงหุ้นเป็นเพราะว่า เขายังไม่ได้ตระเตรียมจิตใจและความคิดต่อการลงทุนเล่นหุ้นให้ดีเพียงพอ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่คิดจะขายหุ้นทิ้งหรือคิดจะซื้อหุ้นก็ตาม ถ้าหากคุณมีสภาพต่อไปนี้แล้ว คุณควรจะแก้ไขความคิดของคุณให้ถูกต้องเสียก่อน
                1.คนที่คิดว่าการเล่นหุ้นคือการพนันอย่างหนึ่ง
จริงอยู่ การเล่นหุ้นและการพนันมีลักษณะเสี่ยงเหมือนกัน แต่การพนันเป็นการทุ่มพนันอย่างเต็มที่ มันเป็นโลกที่ถูกควบคุมด้วยความบังเอิญ ตรงกันข้าม การเล่นหุ้นเป็นการลงทุนที่มีการคาดคะเนอย่างเด็ดเดี่ยว มันเป็นโลกที่ถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์แห่งความจำต้องเป็นไป ซึ่งจะต้องมีการขบคิดวิเคราะห์อย่างจริงจังเสียก่อนจึงจะเล่นได้ ถ้าหากคุณคิดลงทุนซื้อหุ้นด้วยแรงกระตุ้นที่โลภแล้ว ทางที่ดีคุณควรจะหยุดเล่นเสียตั้งแต่แรก
                2.คนที่ลังเลไม่เด็ดเดี่ยว
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหุ้นคือ การรู้จักมองหาโอกาส ถ้าหากขาดความเด็ดเดี่ยว มีแต่ลังเลใจว่า “จะทำอย่างไรดีหนอ” “ทำแบบนี้จะเหมาะหรือเปล่านะ” นั่นก็จะพลาดโอกาสในการซื้อขายที่ดีไปได้ ถ้าหากคุณมีบุคลิกเป็นคนที่ลังเลไม่เด็ดเดี่ยวแล้ว ก็ควรจะต้องสร้างนิสัยในการตัดสินใจที่เด็ดขาดขึ้นมาให้ได้เสียก่อน
                การเล่นหุ้นนั้นมันจะมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง คำว่า “เหตุผลที่นอกเหนือเหตุผล” หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงของมันไม่สามารถใช้จุดยืนแบบวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ทั้งหมด ดังนั้นเพศหญิงที่เต็มไปด้วยอารมณ์จึงเหมาะที่จะเล่นหุ้นมากกว่าเพศชาย อย่างไรก็ตาม ความอ่อนไหวง่าย ไม่เด็ดเดี่ยว ก็ยังเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการเล่นหุ้นสำหรับเพศหญิงอยู่ด้วยเช่นกัน
                3.คนที่ใจร้อนและอารมณ์อ่อนไหว
ในหลายต่อหลายครั้ง การเล่นหุ้นจะถูกอารมณ์เข้ามาควบคุม การรู้จักควบคุมอารมณ์ให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง จะปล่อยให้อารมณ์เข้ามาครอบงำเสียทั้งหมดเลยไม่ได้ การซื้อขายหุ้นอย่างหลับหูหลับตา ย่อมไม่มีทางประสบผลสำเร็จได้อย่างเด็ดขาด
                4.คนที่ชอบวานผู้อื่นและชอบโทษผู้อื่น
การเล่นหุ้นนั้น  อาจจะต้องมีการรับฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์มากมาประกอบการตัดสินใจบ้าง แต่ในท้ายที่สุด มันก็ต้องอาศัยตัวเราเองเป็นผู้ตัดสินใจ ในยามที่หุ้นตก อย่าได้เอาแต่เก็บความแค้นกล่าวโทษผู้อื่น แต่ควรถกเถียงหากลยุทธที่มีลักษณะสร้างสรรค์จะดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม อย่าได้มีความคิดสุขนิยมมองโลกแต่ด้านดีอย่างเดียว อันเนื่องมาจากความคิดที่ว่า ใครๆก็สามารถรวยจากหุ้นได้เป็นอันขาด สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ความคิดของตัวเอง อย่าตื่นเต้น อย่าใจร้อน จะต้องเชื่อมั่นในพลังความคิดการตัดสินใจของตัวเองแล้วจึงค่อยลงทุนซื้อหุน
                คนที่ไม่เคยซื้อหุ้น โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะปฏิเสธบอกปัดไปเสียตั้งแต่แรก  โดยที่ตัวเองยังไม่เคยทดลองเล่นเลย ในบรรดาคนเหล่านั้น ส่วนหนึ่งมักจะมาจากครอบครัวที่พ่ายแพ้จากการเล่นหุ้นแล้วมีคำสั่งสอนในครอบครัวว่า “ห้ามเล่นหุ้นเด็ดขาด” แต่นั่นเป็นการเล่นหุ้นแบบนักเก็งกำไรที่อาศัยเงินเชื่อ ถ้าหากเป็นการเล่นหุ้นที่อาศัยเงินสดหรือทรัพย์สินจริงๆแล้ว ความปลอดภัยของมันก็จะสูงมาก
                ปัจจุบันนี้ กระแสการเล่นหุ้นมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา หนังสือ “บทเรียนเบื้องต้นเกี่ยวกับหุ้น” มีให้เห็นทั่วไป จะต้องเป็นคนที่มีพื้นฐานมั่นคง จึงจะสามารถแก้ปัญหาทั้งหลายที่เผชิญหน้าอยู่ได้ ถ้าหากคุณมิใช่เป็นคนที่สนใจค้นคว้าเกี่ยวกับหุ้นแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะลงทุนเล่นหุ้นเช่นกัน
READ MORE - เตรียมใจให้พร้อม..ลุยหุ้น

หุ้นคืออะไร?

หุ้นคืออะไร?
การซื้อขายใบหุ้นมีได้ทั้งกำไรและขาดทุน จริงๆแล้วใบหุ้นคืออะไรกันเล่า?  กล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว “หุ้น” ก็คือ “หุ้นส่วน” “ใบหุ้น” คือแผ่นกระดาษที่เป็นตราสารแสดงหุ้นส่วน ด้วยเหตุนี้ คำว่า “ใบหุ้น” และ “หุ้นส่วน” จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นคำที่แสดงความหมายของสิ่งเดียวกันนั่นเอง
“บริษัทหุ้นส่วนจำกัด” ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่าคือบริษัทที่ออกใบหุ้น หรือกล่าวในทางกลับกัน การที่บริษัทนี้ทำการออกใบหุ้นนี้เอง มันจึงกลายเป็นบริษัทหุ้นส่วนไป ในการก่อตั้งกิจการขนาดใหญ่นั้นทุนจำนวนมหาศาลย่อมเป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณคิดจะก่อตั้งกิจการด้านการผลิตก็จะต้องซื้อหรือเช่าที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงงานแล้วติดตั้งเครื่องจักรขึ้นมา หรือถ้าคิดจะทำกิจการค้าก็จะต้องเตรียมร้าน,ตกแต่งร้าน, มีหิ้งหรือตู้สำหรับวางขายสินค้าและรถยนต์สำหรับขนส่งให้พร้อม การตระเตรียมลงทุนในส่วนเหล่านี้เรียกว่าเป็น “ทุนคงที่” การลงทุนในส่วนของทุนคงที่แบบนี้ให้พร้อมได้นั้น ถ้าหากคุณมิใช่เป็นคนที่มีเงิน คิดอาศัยจะเริ่มต้นจากตัวเองหรือหยิบยืมจากญาติพี่น้องแล้วนั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้แล้วถ้าเงินทุนที่หามาไม่พอที่จะใช้จ่ายในระยะยาว ก็ต้องยุ่งอยู่กับการรวบรวมหาแหล่งเงินทุนจนไม่อาจบริหารกิจการด้วยความสบายใจได้
                ด้วยเหตุนี้มันจึงเกิดกระบวนการระดมทุนระยะยาวจากคนจำนวนมากๆขึ้นมา ซึ่งก็คือบริษัทหุ้นส่วนจำกัดนั่นเอง เพื่อที่จะยืมเงินทุนระยะยาวเช่นนี้ บริษัทหุ้นส่วนก็จะประกาศหาผู้ลงทุนโดยการออกใบหุ้นให้แก่ผู้ออกเงินลงทุน เงินที่ระดมรวบรวมมาด้วยวิธีการเช่นนี้ก็จะกลายเป็นทุนของบริษัท และในขณะเดียวกันผู้ที่ลงทุนก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้น
                อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มต้นกิจการ มันก็มิใช่จะราบรื่นเหมือนกับแล่นเรือยามทะเลสงบ ตัวอย่างของบริษัทที่มีหุ้นเพียง 50 ล้านเหรืยญ แต่กลับขาดทุนมากถึง 30,000 ล้านเหรียญจนต้องล้มละลายไปก็เคยมีมาแล้ว ถ้าหากเอายอดเงินที่ขาดทุนจำนวนนี้มาแบ่งตามจำนวนผู้ถือหุ้นเพื่อให้ชดใช้หนี้แล้ว นั่นก็จะเป็นตัวเลขที่มหาศาลมากทีเดียว
                ในกรณีที่เป็นห้างร้านส่วนบุคคล ก็จะต้องชำระหนี้สินนี้ทั้งหมด แต่ถ้าหากเป็นบริษัทหุ้นส่วนจำกัด ผู้ที่ออกเงินลงทุนจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินที่เกินกว่ายอดเงินลงทุนของตนเองแต่อย่างไร สมมุติว่าเขาออกเงินลงทุน 100,000 เหรียญ ถึงแม้ว่าหนี้สินขาดทุนจะมากมายเป็นพันหมื่นล้าน แต่เขาก็จะขาดทุนไปเพียงแค่ 100,000 เหรียญเท่านั้นเอง เราเรียกว่านี่คือระบบความรับผิดชอบที่มีขีดจำกัดของผู้ถือหุ้น เมื่อเปรียบเทียบกับห้างร้านบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนแล้ว การลงทุนแบบบริษัทหุ้นส่วนจึงง่ายกว่าและยังได้รับผลประโยชน์ในด้านภาษีกฎหมายอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทหุ้นส่วนทั้งหลายจึงเกิดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ด
READ MORE - หุ้นคืออะไร?